เครือข่ายส่วนตัวเสมือน (VPN) ได้กลายเป็นเครื่องมือยอดนิยมสําหรับผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในการปกป้องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยทางออนไลน์ อย่างไรก็ตามผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) และเว็บไซต์บางรายเริ่มตรวจจับและบล็อกการรับส่งข้อมูล VPN ในบทความนี้เราจะพูดถึงวิธีทําให้ VPN ตรวจไม่พบและตรวจสอบคุณสมบัติของ VPN ชั้นนําในตลาด
มีสาเหตุหลายประการที่เว็บไซต์หรือ ISP อาจบล็อกการรับส่งข้อมูล VPN:
แม้ว่าบางเว็บไซต์อาจมีเหตุผลที่ถูกต้องในการบล็อกการรับส่งข้อมูล VPN แต่สิ่งสําคัญคือผู้ใช้ต้องมีตัวเลือกในการใช้ VPN เพื่อความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยออนไลน์ ต่อไปนี้เป็นวิธีทําให้ VPN ตรวจไม่พบ
เทคโนโลยี Obfuscation ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้การรับส่งข้อมูล VPN ปรากฏเป็นการรับส่งข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตปกติทําให้เว็บไซต์หรือ ISP ตรวจจับและบล็อก VPN ได้ยาก เทคโนโลยี Obfuscation ทํางานโดยการปลอมแปลงการรับส่งข้อมูล VPN เป็นการรับส่งข้อมูล HTTP หรือ HTTPS ปกติซึ่งมักใช้สําหรับการท่องเว็บ
VPN ชั้นนําบางตัวที่นําเสนอเทคโนโลยี Obfuscation ได้แก่:
การเลือก VPN ที่มีเทคโนโลยี Obfuscation สามารถช่วยทําให้ VPN ตรวจไม่พบและอนุญาตให้ผู้ใช้เข้าถึงเนื้อหาที่ถูก จํากัด โดยไม่ถูกบล็อก
การใช้ VPN ที่มีหลายโปรโตคอลสามารถช่วยทําให้ VPN ตรวจไม่พบ โปรโตคอล VPN คือชุดคําสั่งที่ VPN ใช้เพื่อสร้างการเชื่อมต่อที่ปลอดภัยระหว่างอุปกรณ์ของผู้ใช้และเซิร์ฟเวอร์ VPN โปรโตคอลบางตัวมีความปลอดภัยมากกว่าโปรโตคอลอื่น ๆ และบางโปรโตคอลได้รับการออกแบบมาเพื่อนําเสนอเทคโนโลยีที่ทําให้สับสน
VPN ชั้นนําบางตัวที่มีโปรโตคอลหลายแบบ ได้แก่ :
การใช้ VPN ที่มีหลายโปรโตคอลช่วยให้ผู้ใช้สามารถสลับไปมาระหว่างโปรโตคอลได้หากโปรโตคอลไม่ทํางานหรือหากเว็บไซต์หรือ ISP บล็อกโปรโตคอลเฉพาะ สิ่งนี้สามารถช่วยทําให้ VPN ตรวจไม่พบและทําให้มั่นใจได้ว่าผู้ใช้สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้อย่างปลอดภัยและเป็นส่วนตัว
การใช้ที่อยู่ IP เฉพาะยังสามารถช่วยให้ VPN ตรวจไม่พบ ที่อยู่ IP เฉพาะคือที่อยู่ IP ที่ไม่ซ้ํากันซึ่งใช้โดยผู้ใช้รายเดียวเท่านั้นซึ่งต่างจากที่อยู่ IP ที่ใช้ร่วมกันซึ่งผู้ใช้หลายคนใช้ การใช้ที่อยู่ IP เฉพาะอาจทําให้เว็บไซต์และ ISP ตรวจจับและบล็อกการรับส่งข้อมูล VPN ได้ยากขึ้น เนื่องจากที่อยู่ IP ไม่เกี่ยวข้องกับบริการ VPN
VPN บางตัวเสนอที่อยู่ IP เฉพาะเป็นคุณสมบัติเสริม ได้แก่ :
การใช้ที่อยู่ IP เฉพาะสามารถช่วยทําให้ VPN ตรวจไม่พบและทําให้มั่นใจได้ว่าผู้ใช้สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้อย่างปลอดภัยและเป็นส่วนตัว
Kill switch เป็นคุณสมบัติที่ตัดการเชื่อมต่อผู้ใช้จากอินเทอร์เน็ตโดยอัตโนมัติหากการเชื่อมต่อ VPN หายไปเพื่อป้องกันไม่ให้ที่อยู่ IP และกิจกรรมทางอินเทอร์เน็ตของผู้ใช้ถูกเปิดเผย การใช้ VPN ที่มี kill switch สามารถช่วยทําให้ VPN ตรวจไม่พบและทําให้มั่นใจได้ว่าความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยออนไลน์ของผู้ใช้ได้รับการปกป้อง
VPN ชั้นนําบางตัวที่มี kill switch ได้แก่ :
การใช้ VPN ที่มี kill switch สามารถช่วยทําให้ VPN ตรวจไม่พบและทําให้มั่นใจได้ว่าความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยออนไลน์ของผู้ใช้ได้รับการปกป้อง
การทําให้ VPN ตรวจไม่พบเป็นสิ่งสําคัญสําหรับการหลีกเลี่ยงข้อจํากัด เช่น ข้อจํากัดที่กําหนดโดยการเซ็นเซอร์หรือการปิดกั้นทางภูมิศาสตร์ เมื่อ VPN ตรวจไม่พบ มันจะเพิ่มความเป็นส่วนตัวออนไลน์ของคุณโดยป้องกันไม่ให้ ISP หน่วยงานรัฐบาล หรือผู้ดูแลระบบเครือข่ายระบุและบล็อกการใช้งาน VPN ของคุณ สิ่งนี้ช่วยให้คุณเข้าถึงเนื้อหาที่ถูก จํากัด ปกป้องกิจกรรมออนไลน์ของคุณจากการเฝ้าระวังและรักษาความเป็นนิรนามในขณะที่ใช้อินเทอร์เน็ต
แม้ว่า VPN จะให้ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยในระดับที่สําคัญ แต่สิ่งสําคัญคือต้องเข้าใจข้อจํากัดของมัน ในขณะที่ VPN สามารถเข้ารหัสและซ่อนการรับส่งข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตของคุณจากการสอดรู้สอดเห็น แต่ก็ไม่สามารถทําให้กิจกรรมออนไลน์ของคุณมองไม่เห็นอย่างสมบูรณ์ ปัจจัยอื่น ๆ เช่นการติดตามเว็บไซต์คุกกี้และพฤติกรรมของผู้ใช้ยังคงสามารถใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสถานะออนไลน์ของคุณ จําเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องฝึกฝนสุขอนามัยดิจิทัลที่ดี เช่น การใช้โหมดการเรียกดูแบบส่วนตัว การล้างคุกกี้เป็นประจํา และระมัดระวังเกี่ยวกับข้อมูลที่คุณแชร์ทางออนไลน์
การทําให้ VPN ตรวจไม่พบสามารถช่วยหลีกเลี่ยงการเซ็นเซอร์ของรัฐบาลได้ในระดับหนึ่ง การปลอมตัวการรับส่งข้อมูล VPN จะทําให้เจ้าหน้าที่ระบุและบล็อกการใช้งาน VPN ได้ยากขึ้น อย่างไรก็ตามสิ่งสําคัญคือต้องทราบว่ารัฐบาลบางแห่งใช้วิธีการที่ซับซ้อนในการตรวจจับและบล็อก VPN โดยไม่คํานึงถึงเทคนิคการทําให้สับสน ในสภาพแวดล้อมที่มีข้อ จํากัด สูงอาจต้องใช้มาตรการเพิ่มเติมเช่นการใช้โปรโตคอลหรือเครื่องมือ VPN พิเศษเพื่อหลีกเลี่ยงการเซ็นเซอร์ได้สําเร็จ
การใช้ VPN สามารถช่วยปกป้องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยออนไลน์ของผู้ใช้ แต่บางเว็บไซต์และ ISP อาจตรวจจับและบล็อกการรับส่งข้อมูล VPN การเลือก VPN ที่มีเทคโนโลยี Obfuscation โปรโตคอลหลายตัวที่อยู่ IP เฉพาะและ kill switch สามารถช่วยทําให้ VPN ตรวจไม่พบและทําให้มั่นใจได้ว่าผู้ใช้สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้อย่างปลอดภัยและเป็นส่วนตัว VPN ชั้นนําบางตัวที่นําเสนอคุณสมบัติเหล่านี้ ได้แก่ ExpressVPN, NordVPN, Surfshark, Private Internet Access และ ProtonVPN