Thai
Top 5 VPN For...
ComparisonBlog
Top 5 VPN For...
ComparisonBlog
The listings featured on this site are from companies from which this site receives compensation. This influences: Appearance, order, and manner in which these listings are presented.Advertising DisclosureTheTopFiveVPN.com เป็นเว็บรีวิวอิสระที่ได้รับทุนจากค่าธรรมเนียมการแนะนำ เราอาจได้รับค่าตอบแทนเมื่อคุณซื้อ VPN ผ่านลิงก์ของเรา สิ่งนี้ไม่ส่งผลต่อรีวิวของเราซึ่งอ้างอิงตามการค้นคว้าและการทดสอบ เว็บไซต์นี้พยายามจะครอบคลุมผู้ให้บริการ VPN ที่สำคัญ แต่เราไม่สามารถครอบคลุมทุกโซลูชันที่มีให้บริการทั้งหมดได้

วิธีทําให้ VPN ตรวจไม่พบใน 2024 | ITIGIC วิธีแก้ปัญหาง่ายๆ!

เครือข่ายส่วนตัวเสมือน (VPN) ได้กลายเป็นเครื่องมือยอดนิยมสําหรับผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในการปกป้องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยทางออนไลน์ อย่างไรก็ตามผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) และเว็บไซต์บางรายเริ่มตรวจจับและบล็อกการรับส่งข้อมูล VPN ในบทความนี้เราจะพูดถึงวิธีทําให้ VPN ตรวจไม่พบและตรวจสอบคุณสมบัติของ VPN ชั้นนําในตลาด

เหตุใดบางเว็บไซต์จึงบล็อกการรับส่งข้อมูล VPN

มีสาเหตุหลายประการที่เว็บไซต์หรือ ISP อาจบล็อกการรับส่งข้อมูล VPN:

  • การป้องกันสแปมและการละเมิด: บางเว็บไซต์บล็อก VPN เพื่อป้องกันสแปมและพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมอื่น ๆ โดยผู้ใช้ที่ซ่อนตัวตนที่แท้จริงของพวกเขา
  • การข้ามข้อจํากัดทางภูมิศาสตร์: เว็บไซต์เช่น Netflix, Hulu และ BBC iPlayer ใช้ข้อ จํากัด ทางภูมิศาสตร์เพื่อ จํากัด การเข้าถึงเนื้อหาตามตําแหน่งของผู้ใช้ VPN ช่วยให้ผู้ใช้สามารถหลีกเลี่ยงข้อจํากัดเหล่านี้และเข้าถึงเนื้อหาได้จากทุกที่ในโลก
  • การปกป้องลิขสิทธิ์: บางเว็บไซต์บล็อก VPN เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เข้าถึงเนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์โดยไม่ได้รับอนุญาต
  • ข้อกังวลด้านความปลอดภัย: บางเว็บไซต์บล็อกการรับส่งข้อมูล VPN เพื่อป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์และความพยายามในการแฮ็กที่อาจมาจาก VPN

แม้ว่าบางเว็บไซต์อาจมีเหตุผลที่ถูกต้องในการบล็อกการรับส่งข้อมูล VPN แต่สิ่งสําคัญคือผู้ใช้ต้องมีตัวเลือกในการใช้ VPN เพื่อความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยออนไลน์ ต่อไปนี้เป็นวิธีทําให้ VPN ตรวจไม่พบ

เลือก VPN ที่มีเทคโนโลยี Obfuscation

เทคโนโลยี Obfuscation ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้การรับส่งข้อมูล VPN ปรากฏเป็นการรับส่งข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตปกติทําให้เว็บไซต์หรือ ISP ตรวจจับและบล็อก VPN ได้ยาก เทคโนโลยี Obfuscation ทํางานโดยการปลอมแปลงการรับส่งข้อมูล VPN เป็นการรับส่งข้อมูล HTTP หรือ HTTPS ปกติซึ่งมักใช้สําหรับการท่องเว็บ

VPN ชั้นนําบางตัวที่นําเสนอเทคโนโลยี Obfuscation ได้แก่:

  • ExpressVPN: ExpressVPN ใช้โปรโตคอล Lightway ที่เป็นกรรมสิทธิ์ซึ่งนําเสนอเทคโนโลยีที่ทําให้สับสนเพื่อทําให้การรับส่งข้อมูล VPN ตรวจไม่พบ ด้วย Lightway การรับส่งข้อมูล VPN จะปลอมตัวเป็นการเข้าชมเว็บปกติทําให้เว็บไซต์และ ISP ตรวจจับและบล็อก VPN ได้ยาก
  • NordVPN: NordVPN นําเสนอฟีเจอร์เซิร์ฟเวอร์ Obfuscated ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ VPN ที่ใช้เทคโนโลยี Obfuscation เพื่อทําให้การรับส่งข้อมูล VPN ตรวจไม่พบ
  • Surfshark: Surfshark เสนอโหมด NoBorders ซึ่งใช้เทคโนโลยี Obfuscation เพื่อทําให้การรับส่งข้อมูล VPN ปรากฏเป็นการเข้าชมเว็บปกติ คุณลักษณะนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถหลีกเลี่ยงข้อ จํากัด ทางภูมิศาสตร์และเข้าถึงเนื้อหาที่ถูก จํากัด
  • Private Internet Access
  • : Private Internet Access นําเสนอคุณสมบัติ MACE ซึ่งรวมถึงเทคโนโลยีการบล็อกระดับ DNS และการทําให้สับสนเพื่อให้การรับส่งข้อมูล VPN ตรวจไม่พบ
  • ProtonVPN: ProtonVPN นําเสนอคุณสมบัติ Secure Core ซึ่งใช้เทคโนโลยี Obfuscation เพื่อทําให้การรับส่งข้อมูล VPN ปรากฏเป็นการเข้าชมเว็บปกติ คุณลักษณะนี้ออกแบบมาเพื่อปกป้องผู้ใช้จากการโจมตีบนเครือข่ายขั้นสูง

การเลือก VPN ที่มีเทคโนโลยี Obfuscation สามารถช่วยทําให้ VPN ตรวจไม่พบและอนุญาตให้ผู้ใช้เข้าถึงเนื้อหาที่ถูก จํากัด โดยไม่ถูกบล็อก

ใช้ VPN ที่มีหลายโปรโตคอล

การใช้ VPN ที่มีหลายโปรโตคอลสามารถช่วยทําให้ VPN ตรวจไม่พบ โปรโตคอล VPN คือชุดคําสั่งที่ VPN ใช้เพื่อสร้างการเชื่อมต่อที่ปลอดภัยระหว่างอุปกรณ์ของผู้ใช้และเซิร์ฟเวอร์ VPN โปรโตคอลบางตัวมีความปลอดภัยมากกว่าโปรโตคอลอื่น ๆ และบางโปรโตคอลได้รับการออกแบบมาเพื่อนําเสนอเทคโนโลยีที่ทําให้สับสน

VPN ชั้นนําบางตัวที่มีโปรโตคอลหลายแบบ ได้แก่ :

  • ExpressVPN: ExpressVPN มีโปรโตคอลมากมาย รวมถึง OpenVPN, L2TP/IPSec และ IKEv2 OpenVPN เป็นโปรโตคอลที่แนะนําและมีความปลอดภัยและเทคโนโลยีที่สับสนในระดับสูงสุด
  • NordVPN: NordVPN มีโปรโตคอลมากมาย รวมถึง OpenVPN, IKEv2, L2TP/IPSec และ PPTP OpenVPN เป็นโปรโตคอลที่แนะนําและมีความปลอดภัยและเทคโนโลยีที่สับสนในระดับสูงสุด
  • Surfshark: Surfshark มีโปรโตคอลหลายอย่างรวมถึง OpenVPN, IKEv2 และ Shadowsocks OpenVPN เป็นโปรโตคอลที่แนะนําและมีความปลอดภัยและเทคโนโลยีที่สับสนในระดับสูงสุด
  • Private Internet Access
  • : Private Internet Access มีโปรโตคอลหลายอย่าง รวมถึง OpenVPN, WireGuard, IKEv2 และ L2TP/IPSec OpenVPN เป็นโปรโตคอลที่แนะนําและมีความปลอดภัยและเทคโนโลยีที่สับสนในระดับสูงสุด
  • ProtonVPN: ProtonVPN มีโปรโตคอลมากมาย รวมถึง IKEv2/IPSec, OpenVPN และ L2TP/IPSec OpenVPN เป็นโปรโตคอลที่แนะนําและมีความปลอดภัยและเทคโนโลยีที่สับสนในระดับสูงสุด

การใช้ VPN ที่มีหลายโปรโตคอลช่วยให้ผู้ใช้สามารถสลับไปมาระหว่างโปรโตคอลได้หากโปรโตคอลไม่ทํางานหรือหากเว็บไซต์หรือ ISP บล็อกโปรโตคอลเฉพาะ สิ่งนี้สามารถช่วยทําให้ VPN ตรวจไม่พบและทําให้มั่นใจได้ว่าผู้ใช้สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้อย่างปลอดภัยและเป็นส่วนตัว

ใช้ที่อยู่ IP เฉพาะ

การใช้ที่อยู่ IP เฉพาะยังสามารถช่วยให้ VPN ตรวจไม่พบ ที่อยู่ IP เฉพาะคือที่อยู่ IP ที่ไม่ซ้ํากันซึ่งใช้โดยผู้ใช้รายเดียวเท่านั้นซึ่งต่างจากที่อยู่ IP ที่ใช้ร่วมกันซึ่งผู้ใช้หลายคนใช้ การใช้ที่อยู่ IP เฉพาะอาจทําให้เว็บไซต์และ ISP ตรวจจับและบล็อกการรับส่งข้อมูล VPN ได้ยากขึ้น เนื่องจากที่อยู่ IP ไม่เกี่ยวข้องกับบริการ VPN

VPN บางตัวเสนอที่อยู่ IP เฉพาะเป็นคุณสมบัติเสริม ได้แก่ :

  • ExpressVPN: ExpressVPN เสนอที่อยู่ IP เฉพาะในหลายประเทศรวมถึงสหรัฐอเมริกาสหราชอาณาจักรและฮ่องกง
  • NordVPN: NordVPN นําเสนอที่อยู่ IP เฉพาะในหลายประเทศรวมถึงสหรัฐอเมริกาสหราชอาณาจักรและเยอรมนี
  • Surfshark: Surfshark เสนอที่อยู่ IP เฉพาะในหลายประเทศรวมถึงสหรัฐอเมริกาสหราชอาณาจักรและสิงคโปร์
  • Private Internet Access
  • : Private Internet Access นําเสนอที่อยู่ IP เฉพาะในหลายประเทศรวมถึงสหรัฐอเมริกาแคนาดาและสหราชอาณาจักร
  • ProtonVPN: ProtonVPN ไม่มีที่อยู่ IP เฉพาะ

การใช้ที่อยู่ IP เฉพาะสามารถช่วยทําให้ VPN ตรวจไม่พบและทําให้มั่นใจได้ว่าผู้ใช้สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้อย่างปลอดภัยและเป็นส่วนตัว

ใช้ VPN กับ Kill Switch

Kill switch เป็นคุณสมบัติที่ตัดการเชื่อมต่อผู้ใช้จากอินเทอร์เน็ตโดยอัตโนมัติหากการเชื่อมต่อ VPN หายไปเพื่อป้องกันไม่ให้ที่อยู่ IP และกิจกรรมทางอินเทอร์เน็ตของผู้ใช้ถูกเปิดเผย การใช้ VPN ที่มี kill switch สามารถช่วยทําให้ VPN ตรวจไม่พบและทําให้มั่นใจได้ว่าความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยออนไลน์ของผู้ใช้ได้รับการปกป้อง

VPN ชั้นนําบางตัวที่มี kill switch ได้แก่ :

  • ExpressVPN: ExpressVPN มีฟีเจอร์ Network Lock ซึ่งเป็น kill switch ที่ตัดการเชื่อมต่อผู้ใช้จากอินเทอร์เน็ตหากการเชื่อมต่อ VPN หายไป
  • NordVPN: NordVPN มี kill switch อัตโนมัติที่ตัดการเชื่อมต่อผู้ใช้จากอินเทอร์เน็ตหากการเชื่อมต่อ VPN หายไป
  • Surfshark: Surfshark เสนอ kill switch ที่ตัดการเชื่อมต่อผู้ใช้จากอินเทอร์เน็ตหากการเชื่อมต่อ VPN หายไป
  • Private Internet Access
  • : Private Internet Access มี kill switch ที่ตัดการเชื่อมต่อผู้ใช้จากอินเทอร์เน็ตหากการเชื่อมต่อ VPN หายไป
  • ProtonVPN: ProtonVPN มี kill switch ที่มีอยู่ในแอป Windows และ macOS

การใช้ VPN ที่มี kill switch สามารถช่วยทําให้ VPN ตรวจไม่พบและทําให้มั่นใจได้ว่าความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยออนไลน์ของผู้ใช้ได้รับการปกป้อง

คําถามที่พบบ่อย

1. เหตุใดการทําให้ VPN ตรวจไม่พบจึงสําคัญ?

การทําให้ VPN ตรวจไม่พบเป็นสิ่งสําคัญสําหรับการหลีกเลี่ยงข้อจํากัด เช่น ข้อจํากัดที่กําหนดโดยการเซ็นเซอร์หรือการปิดกั้นทางภูมิศาสตร์ เมื่อ VPN ตรวจไม่พบ มันจะเพิ่มความเป็นส่วนตัวออนไลน์ของคุณโดยป้องกันไม่ให้ ISP หน่วยงานรัฐบาล หรือผู้ดูแลระบบเครือข่ายระบุและบล็อกการใช้งาน VPN ของคุณ สิ่งนี้ช่วยให้คุณเข้าถึงเนื้อหาที่ถูก จํากัด ปกป้องกิจกรรมออนไลน์ของคุณจากการเฝ้าระวังและรักษาความเป็นนิรนามในขณะที่ใช้อินเทอร์เน็ต

2. ฉันสามารถใช้ VPN เพื่อทําให้กิจกรรมออนไลน์ของฉันมองไม่เห็นอย่างสมบูรณ์ได้หรือไม่?

แม้ว่า VPN จะให้ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยในระดับที่สําคัญ แต่สิ่งสําคัญคือต้องเข้าใจข้อจํากัดของมัน ในขณะที่ VPN สามารถเข้ารหัสและซ่อนการรับส่งข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตของคุณจากการสอดรู้สอดเห็น แต่ก็ไม่สามารถทําให้กิจกรรมออนไลน์ของคุณมองไม่เห็นอย่างสมบูรณ์ ปัจจัยอื่น ๆ เช่นการติดตามเว็บไซต์คุกกี้และพฤติกรรมของผู้ใช้ยังคงสามารถใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสถานะออนไลน์ของคุณ จําเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องฝึกฝนสุขอนามัยดิจิทัลที่ดี เช่น การใช้โหมดการเรียกดูแบบส่วนตัว การล้างคุกกี้เป็นประจํา และระมัดระวังเกี่ยวกับข้อมูลที่คุณแชร์ทางออนไลน์

3. การทําให้ VPN ตรวจไม่พบสามารถหลีกเลี่ยงการเซ็นเซอร์ของรัฐบาลได้หรือไม่?

การทําให้ VPN ตรวจไม่พบสามารถช่วยหลีกเลี่ยงการเซ็นเซอร์ของรัฐบาลได้ในระดับหนึ่ง การปลอมตัวการรับส่งข้อมูล VPN จะทําให้เจ้าหน้าที่ระบุและบล็อกการใช้งาน VPN ได้ยากขึ้น อย่างไรก็ตามสิ่งสําคัญคือต้องทราบว่ารัฐบาลบางแห่งใช้วิธีการที่ซับซ้อนในการตรวจจับและบล็อก VPN โดยไม่คํานึงถึงเทคนิคการทําให้สับสน ในสภาพแวดล้อมที่มีข้อ จํากัด สูงอาจต้องใช้มาตรการเพิ่มเติมเช่นการใช้โปรโตคอลหรือเครื่องมือ VPN พิเศษเพื่อหลีกเลี่ยงการเซ็นเซอร์ได้สําเร็จ

บทสรุป

การใช้ VPN สามารถช่วยปกป้องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยออนไลน์ของผู้ใช้ แต่บางเว็บไซต์และ ISP อาจตรวจจับและบล็อกการรับส่งข้อมูล VPN การเลือก VPN ที่มีเทคโนโลยี Obfuscation โปรโตคอลหลายตัวที่อยู่ IP เฉพาะและ kill switch สามารถช่วยทําให้ VPN ตรวจไม่พบและทําให้มั่นใจได้ว่าผู้ใช้สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้อย่างปลอดภัยและเป็นส่วนตัว VPN ชั้นนําบางตัวที่นําเสนอคุณสมบัติเหล่านี้ ได้แก่ ExpressVPN, NordVPN, Surfshark, Private Internet Access และ ProtonVPN

มีนาคม Big Saving!
Special Deal: 12 Months + 3 Months FREE
Protect Your Privacy on Any Device!
People we follow
If you enjoyed reading this article, you might want to follow an online privacy leader we appreciate:
https://twitter.com/PrivacyMatters
footer-our-mission
การปฏิเสธความรับผิดชอบ: TopFiveVPN เป็นเว็บไซต์ที่เผยแพร่รีวิว VPN ของบริการ VPN ที่มีคะแนนสูงสุด ในฐานะเว็บไซต์รีวิวและเปรียบเทียบที่ได้รับการสนับสนุนจากการโฆษณา เราอาจได้รับค่าตอบแทนสำหรับการแนะนำผู้ให้บริการ VPN บางส่วน TopFiveVPN ไม่สนับสนุนการใช้งาน VPN ในเชิงผิดกฎหมาย ผู้ใช้มีหน้าที่ในการรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเองแต่เพียงผู้เดียว เราไม่ได้มอบหมายหรือถ่ายโอนสิทธิ์และภาระผูกพันของคุณให้กับบุคคลที่สามคนใดก็ตาม เว็บไซต์ของบุคคลที่สามอยู่ภายใต้ข้อกำหนดและเงื่อนไขของตนเอง รีวิวและข้อมูลเหล่านี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น เราใช้ความพยายามตามสมควรในการรวบรวมข้อมูลที่ถูกต้องและข้อมูลที่อัปเดตล่าสุดบนเว็บไซต์ แต่เราไม่รับประกันว่าจะดำเนินการแก้ไขเนื้อหาทั้งหมดตลอดเวลา
footer-linksTitle
ดำเนินการโดย TopFiveVPN.com © 2024 สงวนลิขสิทธิ์